A simple logic, A solution magic
อยู่กับความจริง กำหนดผล ประกอบเหตุ แล้วจะทุกข์น้อยลง
สืบเนื่องจากบทความนี้ ในส่วนของ “การยอมรับความจริง”และ “การอยู่กับความจริง” แล้วทุกข์จะน้อยลง
จะนำมาอธิบาย ขยายความอยู่เรื่อยๆ เพื่อความเข้าใจที่กระจ่างแจ้งขึ้นในทางปฏิบัติในชีวิตประจำวัน และแนวทางแก้ไข
สังเกตได้ว่าในชีวิตประจำวัน มันมีกระบวนการบางอย่างที่เรามาทำอยู่เสมอ ทั้งๆที่เป็นสิ่ง “ไม่จำเป็น” และ “เป็นผลเสีย” หรืออาจจะเรียกได้ว่าเป็นส่วนของ “ออโต้-ดราม่า” ก็ได้
สิ่งเหล่านี้คือ “ความอยาก” และ “ความคาดหวัง”
ในการดำเนินชีวิต หรือการกระทำอย่างใด อย่างหนึ่ง
ถ้าเราทำ อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง และใช้ ลอจิก ที่ง่ายที่สุด ก็จะได้ผลสูงสุด โดยไม่จำเป็นต้องเพิ่มส่วนที่เป็น “ดราม่า” ลงไปก็ได้
แล้วเราจะพบว่า ผลที่ได้รับ จะดีกว่า และกระบวนการในชีวิตนั้นจะมีประสิทธิภาพมากกว่าเสมอ
อธิเช่น
ตัวอย่างเชิงเปรียบเทียบ
ความจริง คือ เรามีน้ำที่ขุ่น และแก้วน้ำ วางอยู่บนโต้ะ
ผลที่ต้องการ คือ น้ำในแก้วใส ตะกอนฝุ่นตกกองอยู่พื้นแก้ว
เหตุที่ต้องประกอบ คือ วางแก้วน้ำ ไว้บนโต้ะ นิ่งๆ สักพัก โดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมอีก
สิ่งที่มักทำเพิ่ม คือ
1) อยากจะให้น้ำในแก้วใสเร็วๆ เดินวนไปวนมา แล้วบ่นว่า ใสสิๆ
2) คาดหวังให้น้ำในแก้วใสเร็วๆ ไปจับแก้วเขย่าไปมา แล้วบอกว่า ใสสิๆ
จะเห็นได้ว่าสิ่งที่เรามักทำเพิ่มเติมเข้าไปอยู่เสมอๆ ไม่ได้สอดคล้องกับเหตุที่ต้องประกอบจริงๆ และบ่อยครั้งสิ่งเหล่านี้ จะเป็นตัวขัดขวางให้ ผลที่ได้ช้าลง
หรือล้มเหลวไปได้
ตัวอย่างจริง (1)
ความจริง คือ เรารู้สึกว่า ใจไม่ค่อยสงบ ต้องการให้ใจสงบขึ้น
ผลที่ต้องการ คือ ใจสงบนิ่ง เป็นสมาธิ
สิ่งที่ต้องประกอบ คือ นั่งลง หลับตา นิ่งๆ เฉยๆ ไม่ต้องทำอะไร เพียงสังเกตร่างกายเรา อะไรจะเข้าก็ให้มันเข้า อะไรจะออกก็ให้มันออก (ลมหายใจ) แล้วก็ไม่ต้องทำอะไรอีก
กระบวนการที่ไม่จำเป็นที่มักทำคู่กันเสมอ คือ
1) อยากจะให้ใจสงบเร็วๆ …. ใจก็ไม่สงบ
2) คาดหวังให้ใจสงบเร็วๆ…. ใจก็ไม่สงบ
ตัวอย่างจริง (2)
เราต้องทำรายงานส่งอาจารย์
ความจริง คือ มีคำสั่งให้เราทำรายงานส่งอาจารย์ ตามวันเวลาที่กำหนด
ผลที่ต้องการ คือ รายงานที่เขียนเสร็จ
เหตุที่ต้องประกอบ คือ ค้นคว้าและเขียนรายงาน ถ้าไม่ทำตรงนี้ รายงานก็ไม่มีวันเสร็จ ไม่ว่าจะอยากหรือคาดหวังให้เสร็จเพียงใดก็ตาม
กระบวนการที่ไม่จำเป็นที่มักเกิดคู่กันเสมอ คือ
1) “อยากจะให้รายงานเสร็จ”… สิ่งนี้ ไม่ได้ทำให้รายงานเสร็จ ผลเสียคือ ทำให้ใจเสียพลังงาน ทำให้การทำรายงาน ทำได้ประสิทธิภาพน้อยลง
2) “คาดหวังให้รายงานเสร็จ”… สิ่งนี้ก็ไม่ได้ทำให้รายงานเสร็จเร็จขึ้น แต่ผลเสียคือ ทำให้ใจกระวนกระวาย เสียสมาธิ สูญเสียพลังงานทางจิต
ฉะนั้นสองอย่างนี้ จะเป็นแฟกเตอร์ส่วนเกิน หรือแฟกเตอร์ที่ไม่จำเป็น ในชีวิตนั่นเอง จะเรียกว่า “ดราม่ากับตัวเอง” ก็ย่อมได้
ตัวอย่างจริง (3)
ความจริง คือ นอนไม่ค่อยหลับ หลับไม่ค่อยสนิท
ผลที่ต้องการ คือ ตอนหลับง่ายและหลับสนิท
เหตุที่ต้องประกอบ คือ หลับตาและก็นอน ทำเพียงเท่านี้
กระบวนการที่ไม่จำเป็นที่มักเกิดคู่กันเสมอ คือ
1) “อยากจะนอนหลับเร็วๆ”… สิ่งนี้ ไม่ได้ทำให้เรานอนหลับเร็วขึ้น ผลเสียคือ หลับช้าลง หลับยาก หรือ ไม่หลับเลย
2) “คาดหวังให้นอนหลับเร็วๆ”… เช่นเดียวกัน สิ่งนี้ ไม่ได้ทำให้เรานอนหลับเร็วขึ้น ผลเสียคือ หลับช้าลง หลับยาก หรือ ไม่หลับเลย
ตัวอย่างจริง (4)
ความจริง คือ หิวข้าว
ผลที่ต้องการ คือ อิ่ม
เหตุที่ต้องประกอบ คือ กินข้าว
กระบวนการที่ไม่จำเป็นที่มักเกิดคู่กันเสมอ คือ
1) “อยากจะกินข้าว อยากจะอิ่ม”… การอยากจะกินไม่ได้ทำให้เราอิ่ม แต่จะทำให้เรากระวนกระวายมากขึ้น
2) “คาดหวังจะกินข้าว คาดหวังว่าจะอิ่ม”… เช่นเดียวกัน สิ่งนี้ ไม่ได้ทำให้เราอิ่ม แต่กลับทำให้หิวหนักขึ้นไปอีก
คืออาการหิวเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นตามความต้องการของร่างกาย แต่ความอยากจะกินเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง (โดยไม่จำเป็น) ตรรกง่ายๆ คือ
เมื่อรู้สึกหิว ก็หาอะไรกิน แล้วก็จะอิ่ม จบ ไม่จำเป็นที่ต้องอยากจะกินหรืออยากจะอิ่ม
สรุปคือ ในการใช้ชีวิตประจำวันของเรา จะมีกระบวนการทางจิตบางอย่าง ที่มักเกิดขึ้น คู่กันเสมอ โดยที่เราไม่ทันรู้ตัว และไม่ทันสังเกตว่า กระบวนการเหล่านี้ ไม่ได้มีความจำเป็น และไม่ได้ช่วยให้สิ่งที่เราทำ เสร็จเร็วขึ้นหรือสำเร็จมากขึ้น แต่ในทางกลับกัน คือ ทำให้เราเสร็จช้าลง หรือไม่สำเร็จเลย และทำให้ทุกข์มากขึ้น เพราะว่า
สิ่งนี้ “ความอยากและความคาดหวัง” คือสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า ตัณหา ที่เป็นเหตุให้เกิดทุกข์นั่นเอง
ฉะนั้นการยอมรับและใช้ชีวิตตามความเป็นจริง ตามตรรกะที่เป็นอยู่จริง โดยไม่ต้องใช้ “ความอยากและความคาดหวัง” เข้ามาประกอบ แค่เพียง กำหนดผลที่ต้องการ แล้วประกอบเหตุที่ต้องทำ จะทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น (ไม่ซับซ้อน ไม่ดราม่า) ทำให้เราทำอะไรๆ ได้สำเร็จง่ายขึ้นและความทุกข์ในชีวิตก็จะลดลง